“สหพันธ์แบดมินตันโลก” ลงมติให้ไทยยกระดับ เป็นเจ้าภาพจัด "ซูเปอร์ซีรี่ส์" ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

“สหพันธ์แบดมินตันโลก” ลงมติให้ไทยยกระดับ  เป็นเจ้าภาพจัด

 

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า หลังจากเราได้รับเกียรติ และความไว้วางใจจากสหพันธ์กีฬาแบดมินตันโลก (บีดับเบิลยูเอฟ) ให้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันแบดมินตันทีมชาย และทีมหญิงชิงแชมป์โลก "โธมัส-อูเบอร์ คัพ" รอบสุดท้าย ในปี ค.ศ.2018 พร้อมกับ จัดประชุมใหญ่สหพันธ์กีฬาแบดมินตันโลก ในช่วงเวลาเดียวกัน ล่าสุด ยังได้รับข่าวดีต่อเนื่อง เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฯ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ลงมติเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ให้ไทยจัดการแข่งขันระดับ "ซูเปอร์ซีรี่ส์" และระดับ "กรังด์ปรีซ์ โกลด์" เป็นเวลา 4 ปี ระหว่างปี ค.ศ.2018-2021 ซึ่งเป็นการยกระดับจากเดิมที่ไทยเคยจัดการแข่งขันระดับ "กรังด์ปรีซ์ โกลด์" 2 รายการ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไทยได้จัดการแข่งขันระดับ "ซูเปอร์ซีรี่ส์"  พร้อมกันนี้ ได้เพิ่มเงินรางวัลสำหรับรายการระดับ "ซูเปอร์ซีรี่ส์" จาก เดิม 325,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 11,375,000 บาท เป็น 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,250,000 บาท และเพิ่มเงินรางวัลระดับ "กรังด์ปรีซ์ โกลด์" จาก 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,200,000 บาท เป็น 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,250,000 บาท รวมทั้งจะปรับเปลี่ยนจำนวนคะแนนสะสมที่นักกีฬาจะได้รับจากการแข่งขันในระดับต่างๆ เพื่อให้การแข่งขันมีความสนุกสนานตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

 

คุณหญิงปัทมา กล่าวว่า ขอบคุณบีดับเบิลยูเอฟ ที่เห็นศักยภาพของสมาคมฯ และประเทศไทย และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยผลักดันให้วงการแบดมินตันไทยก้าวมาถึงระดับโลกเช่นนี้ เพราะส่วนตัวเห็นว่าการที่เราได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการใหญ่ระดับโลก นอกจากจะช่วยให้นักกีฬาไทยไม่ต้องลงทุนเป็นเงินจำนวนมากไปแข่งขันต่างประเทศ ยังเป็นการช่วยดึงชาวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ตามนโยบาย "สปอร์ตทัวริสซึ่ม" ของรัฐบาล ที่ช่วงแข่งขัน จะมีนักกีฬา เจ้าหน้าที่ทีม ครอบครัว และกองเชียร์เดินทางมามีส่วนร่วมในการแข่งขัน โดยเวลานี้ ไทยได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการระดับนานาชาติถึงปีละ 5 รายการ

 

 

นายกสมาคมตบลูกขนไก่ไทย ยังกล่าวแสดงความยินดีกับ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, อินเดีย และ สิงคโปร์ ที่ได้จัดระดับ "ซูเปอร์ซีรี่ส์" เช่นกัน ขณะที่ จีน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เดนมาร์ และฝรั่งเศส ได้จัดระดับ "ซูเปอร์ซีรี่ส์ พรีเมียร์" ซึ่งมีเงินรางวัล 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,500,000 บาท ส่วน จีน, อินโดนีเซีย และอังกฤษ (ออล อิงแลนด์) ได้ยกระดับจัด "ซูเปอร์ซีรี่ส์ พรีเมียร์ พรีเมียร์" มีเงินรางวัล 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35,000,000 บาท ขณะที่ศึก "ซูเปอร์ซีรี่ส์ ไฟนอล" มีเงินรางวัลสูงถึง 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 52,500,000 บาท โดยการคัดเลือกประเทศจัดนั้น บีดับเบิลยูเอฟ ดูองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งสถานที่จัดแข่งขัน, ผู้เข้าชมในสนาม, โรงแรมรองรับนักกีฬา, ความนิยมแต่ละชาติ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับมีมูลค่ามหาศาลทั้งในด้านของภาพลักษณ์, เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว เพราะจะมีถ่ายทอดสดการแข่งขันไปยังสายตาคนทั่วโลกกว่าพันล้านคน และพี่น้องชาวไทยจะได้ชมฝีมือของนักกีฬาแบดมินตันระดับโลกอย่างใกล้ชิด ทั้งรายการ "โธมัส-อูเบอร์คัพ รอบสุดท้าย" และ "ซูเปอร์ซีรีส์" ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทย จะมีนักกีฬามืออันดับต้นๆ ของโลกมาร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก เสียงเชียร์ของผู้ชมคนไทยในสนามช่วยให้นักกีฬาไทยเล่นด้วยความฮึกเหิมมีกำลังใจ