29 มกราคม 2564 – การแข่งขันแบดมินตันรายการ “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1,500,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 45,150,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ภายใต้มาตรการในรูปแบบนิวนอร์มอล โดยไม่อนุญาตให้แฟนแบดมินตัน และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสนามโดยเด็ดขาด เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ม.ค. เป็นการลงสนามแข่งขันวันที่สามในรอบแบ่งกลุ่มแมทช์ที่สาม

              ทั้งนี้ได้ทำการจับสลากแบ่งกลุ่มนักกีฬาออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คู่ทำการแข่งขันแบบพบกันทั้งหมดในกลุ่มเพื่อนำเอานักกีฬาที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ส่วนรอบรองชนะเลิศจะให้นักกีฬาที่เป็นแชมป์กลุ่มเป็นตัวยืนแล้วจับสลากเอานักกีฬาที่มีคะแนนเป็นอันดับสองในกลุ่มเข้าไปประกบ

ประเภทคู่ผสม กลุ่มเอ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก ที่มีสถิติชนะ 1 แพ้ 1 ลงสนามพบกับ มาร์คัส เอลลิส กับ ลอว์เรน สมิธ คู่มืออันดับ 9 ของโลกจากอังกฤษ ที่มีสถิติแพ้มาทั้ง 2 แมตช์ สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง เป็นทาง เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี ที่ทำผลงานได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ทั้งหมด ล่าสุดในศึก มาเลเซีย โอเพ่น 2019 เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี เอาชนะมาได้

              ในแมตช์นี้เกมการแข่งขันเป็นทางคู่ของ เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี ที่เป็นฝ่ายคุมรูปเกมเอาไว้ได้เหนือกว่าเปิดเกมบุกไล่ตบทำคะแนนเอาชนะไปได้ตามคาด 2-0 เกม 21-12, 21-11 ใช้เวลาแข่งขัน 36 นาที ส่วนผลอีกคู่ใน กลุ่ม เอ โซว ซอนแจ กับ แช ยูจุง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากอินโดนีเซีย 21-10, 21-13

              สรุปตารางคะแนนในกลุ่ม เอ โซว ซอนแจ กับ แช ยูจุง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ ครองแชมป์กลุ่ม, "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก รองแชมป์กลุ่ม

              ประเภทหญิงคู่ กลุ่มบี "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก ที่มีสถิติชนะ 1 แพ้ 1 ลงสนามพบกับ ลินดา เอฟเลอร์ กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริช คู่มืออันดับ 31 ของโลกจากเยอรมัน ที่มีสถิติแพ้มาทั้ง 2 แมตช์ สำหรับในแมทช์นี้ถือเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกของทั้งคู่

              ในแมตช์นี้เกมการแข่งขันเป็นทางคู่ของ จงกลพรรณ กับ รวินดา ที่เป็นฝ่ายคุมรูปเกมเอาไว้ได้เหนือกว่าเปิดเกมบุกไล่ตบทำคะแนนเอาชนะไปได้ตามคาด 2-0 เกม 21-13, 21-14 ใช้เวลาแข่งขัน 39 นาที ส่วนผลอีกคู่ใน กลุ่ม บี คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ ไล่ตบเอาชนะ โคลอี้ เบิร์ช กับ ลอว์เรน สมิธ คู่มืออันดับ 18 ของโลกจากอังกฤษ ไปได้ตามคาด 2-0 เกม 21-14,21-18 ใช้เวลาแข่งขัน 46 นาที

 

              สรุปตารางคะแนนในกลุ่มบี คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ เก็บชัยชนะ 3 แมตช์รวด คว้าแชมป์กลุ่ม ส่วน จงกลพรรณ กับ รวินดา เก็บชัยชนะ 2 แมตช์ คว้ารองแชมป์กลุ่มผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ

              ประเภทหญิงเดี่ยว กลุ่มบี "เมย์" รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 5 ของโลก ลงสนามเพื่อแย่งตั๋วเข้าสู่รอบรองฯ โดยพบกับ ไต้ จื่ออิง มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน ที่มีสถิติชนะ 1 แพ้ 1 มาเช่นกัน สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 28 ครั้ง ต่างผลัดกันเก็บชัยชนะไปได้คนละ 14 ครั้งเท่ากัน ล่าสุดในรอบรองฯศึก โตโยต้าไทยแลนด์ โอเพ่น ไต้ จื่ออิง เฉือนเอาชนะมาได้

              ในแมตช์นี้เกมการแข่งขันทั้งคู่ยังคงผลัดกันทำคะแนนได้อย่างสนุกคู่คี่สูสีก่อนที่จะเป็นทาง ไต้ จื่ออิง ที่มามีฮึดพลิกสถานการณ์หลังจากที่พลาดท่าพ่ายไปก่อนในเกมแรก มาเร่งเครื่องทำคะแนนแซงชนะไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 23-25, 21-12, 21-9 ใช้เวลาแข่งขัน 57 นาที ไต้ จื่ออิง คว้าตั๋วผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ส่วน รัชนก จบอันดับที่สามในกลุ่มรับ 16,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 495,000 บาท ปลอบใจ

              ขณะที่ "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก ที่โชว์ฟอร์มเก่งเก็บชัยชนะไปได้ 2 แมตช์รวดการันตีเข้ารอบรองชนะเลิศแน่นอนแล้ว ลงสนามพบกับ พูสซาลา วี สินธุ มืออันดับ 7 ของโลกจากอินเดีย สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 4 ครั้ง เป็นทาง พูสซาลา วี สินธุ ที่ทำผลงานได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ ครั้ง ล่าสุดในศึก ไชน่า โอเพ่น 2019 พรปวีณ์ เอาชนะมาได้

              ในแมตช์นี้เกมการแข่งขันทาง พูสซาลา วี สินธุ ที่พยายามเปิดเกมบุกได้อย่างเด็ดขาดทำคะแนนเอาชนะ พรปวีณ์ ที่การันตีแชมป์กลุ่มเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 2-0 เกม 21-18 , 21-15 ใช้เวลาแข่งขัน 42 นาที

              สรุปตารางคะแนนในกลุ่ม บี "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ เก็บชัยชนะ 2 แมตช์ คว้าแชมป์กลุ่มเนื่องจากนับเฮดทูเฮดแล้วเหนือกว่า ไต้ จื่ออิง มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน ที่เก็บชัยชนะ 2 แมตช์เช่นเดียวกัน คว้ารองแชมป์กลุ่ม ทั้งคู่ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “วันนี้ผลงานนักกีฬาแบดมินตันไทยทำได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถผ่านเข้าสู่รอบเซมิไฟนอลได้ถึงสามคู่ เริ่มจากกิ๊ฟวิวเปิดเกมได้ยอดเยี่ยม เล่นได้ดีกว่า เหนียวแน่นกว่า ชนะคู่เยอรมันไปไม่ยากเย็น ส่วนหมิว เป็นที่แน่นอนตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าเป็นที่หนึ่งของสาย ไม่ได้เน้นมากนัก จึงพ่ายแพ้ต่อสินธุ ด้าน เมย์ รัชนก พาดท่าแพ้ไป แต่ก็แสดงให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือที่คงความยอดเยี่ยม แต่สภาพร่างกายเป็นรอง ขณะที่ บาสกับปอป้อ ก็แก้ตัวสำเร็จ จากที่เมื่อวานพลาดท่าแพ้เกาหลีใต้ เรียกสมาธิและฝีมือกลับคืนมาได้ ขอฝากตามลุ้นตามเชียร์นักกีฬาไทยต่อในวันพรุ่งนี้ ห้าคู่แรกเริ่มเวลา 10.00 น.  และห้าคู่หลังเริ่มเวลา 17.00 น.”

บาส-เดชาพล และ ปอป้อ- ทรัพย์สิรี เผยว่า “เกมโดยรวมในวันนี้ เราเตรียมแผนมาดีมาก และเล่นได้ตามแผนที่วางไว้ตลอดเวลา ไม่มีหลุดเลย ทำให้สามารถเก็บชัยชนะได้สำเร็จ ก่อนลงสนามมีหนักใจบ้างเล็กน้อย แต่พยายามคิดไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราทำเต็มที่ในการเจอกับอังฤษ เราทราบว่าทุกคนลุ้นผลอีกคู่เอาใจช่วยเกาหลีใต้ให้ชนะอินโดนีเซีย หากผลไม่ออกมาตามนั้นกลายเป็นฝั่งอินโดนีเซียชนะแทน แล้วเป็นเราตกรอบเราก็ไม่เสียใจเพราะคิดว่าทำเต็มที่แล้ว สำหรับรอบรองชนะเลิศลุ้นผลจับสลากว่าจะเจอเกาหลีใต้คู่เดิมหรือฝรั่งเศสที่หนึ่งของอีกกลุ่ม เมื่อทราบผลจับสลากก็จะปรึกษาโค้ชเพื่อเตรียมแผนการเล่นต่อไป”

ทางด้าน "เมย์" รัชนก อินทนนท์ กล่าวว่า “ช่วงเกมแรกเราผลัดกันได้ผลัดกันเสีย เป็นการชิงจังหวะเพื่อความได้เปรียบ แต่ในช่วงต้นเกมที่สองเมย์พลาดเองง่าย ไต้ จืออิง กล้าออกลูกที่คมเฉียบขาด เมย์ไม่ได้ระวังโฟร์แฮนด์ ทำให้ฝั่งเขาเล่นง่ายกว่า เมย์ต้องคอยวิ่งแก้เริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจแล้ว พยายามจะเรียกความมั่นใจคืนมาและคิดไปด้วยระหว่างเล่นเกม แต่ทำออกมาได้ไม่ดีจริงๆ รู้สึกอึดอัดที่ตีไม่ได้ตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าไต้จืออิงออกลูกสปีดดีกว่า คุมลูกได้ดีกว่า ในเกมที่สามเมย์ก็พลาดช่วงแรกเยอะ และเริ่มช้าลง คิดมากว่าออกลูกไปแล้วจะตีอะไรต่อ ทำให้รูปแบบเกมยิ่งอึดอัดมากขึ้น จังหวะการเล่นบางทีเร่งมากเกินไปก็เข้าทางคู่แข่ง บางทีช้าไปก็พอดี แต่โดยรวมคือเมย์ไม่สามารถหาจุดที่จะทำให้ไต้ จืออิงเสียหลักไม่เจอ เเพราะเขาเตรียมตัวมาแก้ไขและคุมได้ทุกอย่าง รู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ จะนำประสบการณ์ที่ได้ไปปรับปรุงให้ดีขึ้น”

              ขณะที่ หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ กล่าวว่า “วันนี้ต้องยอมรับสินธุเตรียมพร้อมมาดีมาก และด้วยรูปแบบสไตล์การเล่นของคู่แข่งขัดกับสไตล์ของหมิว โดยรวมก็ไม่ได้ตีพลาดมาก แต่เหมือนจะเข้ามือของสินธุมากกว่า จึงทำให้ดูเหมือนเสียง่าย ในช่วงต้นเกมแรกและเกมที่สองแต้มสูสี แต่ตอนหลังโดนทิ้งห่าง คือมีช่วงที่มันตื้อคิดอะไรไม่ออก และกลับมาสู่เกมช้าทำให้เกิดความผิดพลาด จากการชนะพี่เมย์ รัชนก และไต้ จือ อิง ก็เป็นการก้าวข้ามบันไดมาอีกหนึ่งขั้น แต่ยังอีกหลายขั้นต่อไปเรื่อยๆ ค่อยขึ้นไป ต้องพัฒนาปรับปรุงต่อไป ไม่มีใครชนะได้ตลอด มีขึ้นมีลง สำหรับรอบรองชนะเลิศในวันพรุ่งนี้ไม่ว่าเจอใครก็หนัก หมิวต้องเตรียมพร้อมให้ดี“

สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ในแมทช์ที่สามมีดังนี้

ประเภทหญิงเดี่ยว กลุ่มเอ อัน เซยอง มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ คาโรลิน่า มาริน มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน 21-16, 14-21, 21-19, อีฟเกนิย่า โคเซ็ทกาย่า มืออันดับ 25 ของโลกจากรัสเซีย ชนะ มิเชล ลี มืออันดับ 10 ของโลกจากแคนาดา 25-23, 21-10 สรุปตารางคะแนนในกลุ่มเอ อัน เซยอง มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้ ครองแชมป์กลุ่ม ส่วน คาโรลิน่า มาริน มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน รองแชมป์กลุ่ม

              ประเภทหญิงคู่ กลุ่มเอ เชา เหม่ยกวน กับ ลี เหม็งหยวน คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย ชนะ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริยานี่ ราฮายู คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย 21-13, 21-17, ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ วิเวียน ฮู กับ แยป เชงเหวิน คู่มืออันดับ 25 ของโลกจากมาเลเซีย21-12, 21-16 สรุปตารางคะแนนในกลุ่มเอ ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ ครองแชมป์กลุ่ม ส่วน เชา เหม่ยกวน กับ ลี เหม็งหยวน คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย รองแชมป์กลุ่ม

              ประเภทชายเดี่ยว กลุ่มเอ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก ชนะ โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวัน 21-10, 21-14, แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง มืออันดับ 6 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ ลี ซีเจี๋ย มืออันดับ 10 ของโลกจากมาเลเซีย 21-12, 15-21, 21-13 สรุปตารางคะแนนในกลุ่มเอ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก ครองแชมป์กลุ่ม, โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวัน รองแชมป์กลุ่ม

              กลุ่มบี หวัง ซื่อเหว่ย มืออันดับ 12 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ อันเดรส แอนทอนเซ่น มืออันดับ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก 21-11, 21-19, อึ้ง กาลอง อังกุส มืออันดับ 8 ของโลกจากฮ่องกง ชนะ คีดัมบี้ สีกานห์ มืออันดับ 14 ของโลกจากอินเดีย 12-21, 21-18, 21-19 สรุปตารางคะแนนในกลุ่มบี หวัง ซื่อเหว่ย มืออันดับ 12 ของโลกจากไต้หวัน ครองแชมป์กลุ่ม ส่วน อันเดรส แอนทอนเซ่น มืออันดับ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่ม

              ประเภทชายคู่ กลุ่ม เอ หลี่ หยาง กับ หวัง ชิหลิน คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ มาร์คัส เอลลิส กับ คริส แลงกริดจ์ คู่มืออันดับ 22 ของโลกจากอังกฤษ 21-17, 21-13, เบน เลนจ์ กับ ฌอน เวอร์ดี้ คู่มืออันดับ 32 ของโลกจากอังกฤษ ชนะ ออง ยิวซิน กับ เตียว อียี่ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากมาเลเซีย 21-15, 21-13 สรุปตารางคะแนนในกลุ่ม เอ หลี่ หยาง กับ หวัง ชิหลิน คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน ครองแชมป์กลุ่ม ส่วน เบน เลนจ์ กับ ฌอน เวอร์ดี้ คู่มืออันดับ 32 ของโลกจากอังกฤษ รองแชมป์กลุ่ม

              กลุ่มบี โมฮาเหม็ด อัสซาน กับ เฮนดร้า เซทเทียวาน คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ อารอน เชี๊ยะ กับ โซ วูยิค คู่มืออันดับ 9 ของโลกจากมาเลเซีย 18-21, 21-17, 21-11, ชอย โซวกิว กับ โซว ซอนแจ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ วลาดิเมียร์ อิวานอฟ กับ อิวาน โซโซนอฟ คู่มืออันดับ 24 ของโลกจากรัสเซีย 21-11, 17-21, 21-16 สรุปตารางคะแนนในกลุ่ม บี ชอย โซวกิว กับ โซว ซอนแจ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้ ครองแชมป์กลุ่ม ส่วน โมฮาเหม็ด อัสซาน กับ เฮนดร้า เซทเทียวาน คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากอินโดนีเซีย รองแชมป์กลุ่ม

              ประเภทคู่ผสม กลุ่มบี ทอม กีเซล กับ เมลฟิน เดอรูร์ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากฝรั่งเศส ชนะมาร์ค แลมฟรุ๊ท กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริก คู่มืออันดับ 17 ของโลกจากเยอรมนี 21-10,21-15, โก๊ะ ซุนฮวด กับ เชวอน เจมี่ไล คู่มืออันดับ 12 ของโลกจากมาเลเซีย ชนะ ฮาฟิต ไฟซาล กับ กลอเรีย เอ็มมานูเอล วิดจาจา คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย 17-21 21-13 21-13 สรุปตารางคะแนนในกลุ่มบี ทอม กีเซล กับ เมลฟิน เดอรูร์ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากฝรั่งเศส ครองแชมป์กลุ่ม ส่วน โก๊ะ ซุนฮวด กับ เชวอน เจมี่ไล คู่มืออันดับ 12 ของโลกจากมาเลเซีย รองแชมป์กลุ่ม

สำหรับผลของการจับสลากในรอบรองชนะเลิศการแข่งขันแบดมินตันในศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอล 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1,500,000 เหรียญสหรัฐ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งจะทำการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 30 ม.ค.64

ประเภทคู่ผสม "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก พบกับ ทอม กีเซล กับ เมลฟิน เดอรูร์ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากฝรั่งเศส, โซว ซอนแจ กับ แช ยูจุง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ พบกับ โก๊ะ ซุนฮวด กับ เชวอน เจมี่ไล คู่มืออันดับ 12 ของโลกจากมาเลเซีย

ประเภทหญิงเดี่ยว "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก พบกับ คาโรลิน่า มาริน มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน, ไต้ จื่ออิง มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน พบกับ อัน เซยอง มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้

ประเภทหญิงคู่ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก พบกับศึกหนัก คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้, ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ พบกับ เชา เหม่ยกวน กับ ลี เหม็งหยวน คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย

ประเภทชายเดี่ยว วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก พบกับ โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวัน , หวัง ซื่อเหว่ย มืออันดับ 12 ของโลกจากไต้หวัน พบกับ อันเดรส แอนทอนเซ่น มืออันดับ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก

ประเภทชายคู่ หลี่ หยาง กับ หวัง ชิหลิน คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน พบกับ เบน เลนจ์ กับ ฌอน เวอร์ดี้ คู่มืออันดับ 32 ของโลกจากอังกฤษ, โมฮาเหม็ด อัสซาน กับ เฮนดร้า เซทเทียวาน คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากอินโดนีเซีย พบกับ ชอย โซวกิว กับ โซว ซอนแจ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้

สำหรับศึก "เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 จะมีการถ่ายทอดสดผ่าน 3,000 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยสามารถชมการถ่ายทอดสดได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง ทรูวิชั่นส์, ทรูโฟร์ยู, ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี โดยทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดทุกคู่การแข่งขัน ผ่านทาง Truesports HD3 ช่อง 668, Truesports 7 ช่อง 686 และ Truesports HD2 ช่อง 667 และรับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู วันเสาร์ (30 ม.ค.) ระหว่างเวลา 17.00 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ (31 ม.ค.) ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น.