"หมิว" เฉือน "เมย์" 2-1 เปิดศึก เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ “บาส-ปอป้อ” ประเดิมชัยเฉือนอิเหนา 2-1

 

27 มกราคม 2564 – การแข่งขันแบดมินตันรายการ “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1,500,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 45,150,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในรูปแบบนิวนอร์มอลภายใต้มาตรการคุ้มเข้มเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยไม่อนุญาตให้แฟนแบดมินตันและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสนามโดยเด็ดขาด เมื่อวันพุธที่ 27 ม.ค. เป็นการลงสนามแข่งขันวันแรกในรอบแบ่งกลุ่มแมทช์แรก

              โดยทำการจับสลากแบ่งกลุ่มนักกีฬาออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คู่ทำการแข่งขันแบบพบกันทั้งหมดในกลุ่มเพื่อนำเอานักกีฬาที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ส่วนรอบรองชนะเลิศจะให้นักกีฬาที่เป็นแชมป์กลุ่มเป็นตัวยืนแล้วจับสลากเอานักกีฬาที่มีคะแนนเป็นอันดับสองในกลุ่มเข้าไปประกบ

              ประเภทหญิงเดี่ยว กลุ่มบี "เมย์" รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 5 ของโลก ประเดิมแมทช์แรกพบกับ “หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ รุ่นน้องร่วมทีมชาติ มืออันดับ 13 ของโลก สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมา 2 ครั้ง เป็นทาง รัชนก ทำผลงานได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ทั้งหมด โดยล่าสุดในศึก โตโยต้าไทยแลนด์ โอเพ่น รัชนก เฉือนเอาชนะมาได้

              ในแมทช์นี้เกมการแข่งขันทั้งคู่ต่างผลัดกันทำคะแนนได้อย่างสนุกคู่คี่สูสี ก่อนที่ พรปวีณ์ ฮึดพลิกสถานการณ์หลังจากที่พลาดท่าพ่ายไปก่อน มาเร่งเครื่องทำคะแนนแซงชนะไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 15-21, 21-11, 21-18 ใช้เวลาแข่งขัน 62 นาที ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่ในกลุ่มบี ไต้ จื่ออิง มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน เฉือนชนะ พูสซาลา วี สินธุ มืออันดับ 7 ของโลกจากอินเดีย 2-1 เกม 19-21, 21-12, 21-17

ประเภทคู่ผสม กลุ่มเอ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก พบกับ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากอินโดนีเซีย สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 7 ครั้ง เป็นทาง ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ ที่ทำผลงานได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ 4 ครั้ง ล่าสุดในรอบชิงชนะเลิศศึก โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี เฉือนชนะมาได้

ในแมทช์นี้เกมการแข่งขันทั้งคู่ผลัดกันทำคะแนนได้อย่างคู่คี่สูสี ก่อนที่ เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี ช่วยกันเร่งสปีดเกมเร็วทำคะแนนเฉือนชนะไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 21-13, 16-21, 21-11 ใช้เวลาแข่งขัน 54 นาที ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่ในกลุ่มเอ โซว ซอนแจ กับ แช ยูจุง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ เอาชนะ มาร์คัส เอลลิส กับ ลอว์เรน สมิธ คู่มืออันดับ 9 ของโลกจากอังกฤษ มาได้ 2-0 เกม 21-12, 21-12

ส่วนประเภทหญิงคู่ กลุ่มบี "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก พบกับ โคลอี้ เบิร์ช กับ ลอว์เรน สมิธ คู่มืออันดับ 18 ของโลกจากอังกฤษ ซึ่งเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ปรากฎว่า "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ โชว์ฟอร์มเหนือชั้นเอาชนะไปแบบขาดลอย 2-0 เกม 21-10, 21-11 ใช้เวลาแข่งขัน 33 นาที ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่ในกลุ่มบี คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ ลินดา เอฟเลอร์ กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริช คู่มืออันดับ 31 ของโลกจากเยอรมนี 2-1 เกม 21-11, 19-21, 21-11

 

 

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “ผลงานนักกีฬาไทยวันนี้ถือว่าทำได้ดี เป็นการปลดล็อคของหมิวที่มีกับเมย์ที่ไม่เคยชนะเมย์ได้ รูปเกมต้องยอมรับว่าหมิวมาได้ดีจริงๆ กับสภาพร่างกายที่ดูแลแข็งแรงกว่า สดกว่า ในขณะที่เมย์ค่อนข้างล้าจากการเล่นกับ ไต้ จื่ออิง เมื่อวันเสาร์ แต่ก็เป็นเกมที่สนุก เล่นกันดีและทำได้ดีทั้งคู่ โดยในช่วงท้ายเป็นโอากาสของหมิวที่ทำได้ดี”

“ด้านบาสกับปอป้อยังคงความยอดเยี่ยม สามารถรีดพละกำลังและความสามารถในช่วงเกมสามหลังจากเกมสองพลาดท่าไป เอาชนะ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ ไปได้ในเกมสาม โดยที่เกมสามสามารถทำเก้าแต้มรวด ส่วนกิ๊ฟและวิว เป็นไปตามคาดหมาย สามารถปราบคู่จากอังกฤษได้สำเร็จ ทั้งคู่เล่นได้ดี เร็วกว่า และประสานงานดีกว่า พรุ่งนี้ขอให้แฟนๆ แบดมินตันร่วมชมและส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยในคู่ที่ 3, 5, 7 และ 9 ผ่านการถ่ายทอดสดทางทรูวิชันส์ไปพร้อมๆ กัน”

หมิว-พรปวีณ์ เผยหลังเกมว่า “เกมแรกตื่นเต้น ขาแข็ง มือแข็งไปหมด เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในเวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ พอเกมที่สอง สามารถเรียกสติกลับคืนมาคุมลูกคุมจังหวะของตัวเองได้ และพยายามดึงพี่เมย์ให้มาเล่นตามเกมของเราเพื่อพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะ ในเกมที่สามความดดันน่าจะอยู่ทางฝั่งพี่เมย์มากกว่า หมิวพยายามวิ่งสู้ทุกลูกทุกช็อต ไม่ปล่อยแต้มง่ายๆ และพี่เมย์ตีพลาดเองด้วย ชัยชนะแมทช์นี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น โดยแมทช์ต่อไปจะพบกับ ไต้ จื่อ อิง มือหนึ่งของโลก ก็ไม่รู้สึกดดันอะไร เพราะนักกีฬาทุกคนที่ผ่านเข้ามาเล่นในเวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ล้วนเป็นผู้เล่นระดับท็อป จะพยายามสู้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด”

ทางด้าน เมย์-รัชนก กล่าวว่า “วันนี้ไม่สามารถคุมตัวเองให้เล่นในรูปแบบที่ต้องการ อาจเป็นเพราะน้องหมิวก็รู้จุดอ่อนจึงพยามดึงเมย์ไปเล่นตามเกมของน้อง และในช่วงจังหวะสำคัญเมย์ก็เร่งเอง ทำให้ผิดพลาดเยอะกว่าที่ผ่านมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าประมาทน้อง เพราะรู้ว่าน้องเตรียมตัวมาดี เกมที่สองน้องหมิวรับแน่นขึ้น และเมย์ไม่ได้เล่นในจุดที่ควรเล่น ก่อนลงสนามก็คาดหวังชัยชนะ เพราะหากคว้าชัยแมทช์แรก แมตช์ต่อไปก็สบายใจมากกว่าเดิม แต่แม้จะแพ้วันนี้แต่ยังมีโอกาส ทุกคนมีจุดแข็งของตัวเอง วันนี้เมย์แพ้ในจุดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แมทช์ต่อไปที่จะพบกับสินธุเป็นนัดชี้ชะตา เพราะเราต่างฝ่ายต่างแพ้แมตช์แรกมา ต้องแย่งกันเข้ารอบ จะพยายามเล่นให้ดีกว่าวันนี้ เมย์จะพยายามผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้

ขณะที่ บาส-เดชาพล กับ ปอป้อ-ทรัพย์สิรี เผยว่า “โดยรวมเป็นแมทช์ที่ยากในรูปแบบเกมที่สู้กันและอึดอัดในเกม ช่วงท้ายโอกาสทำแต้มจากการบุกเยอะมาก เหมือนคู่แข่งเปิดให้เราก่อน สิ่งที่อึดอัดคือลูกตบของคู่แข่ง ถ้าเราโยนขึ้นไปเขาตบมาโอกาสได้แต้มสูง เราพยายามไม่โยนง่ายๆ จึงต้องพยายามทำให้คู่แข่งเคลื่อนที่ตบ เพราะหากเราขึ้นลูกช้าๆ คู่แข่งสามารถเลือกตบทำแต้มได้ง่าย ในเกมที่สามก็มีกดดันพอสมควรเวลาที่ฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายได้บุกก่อน แต่เราพยายามโฟกัสกับแผนที่เตรียมมากับโค้ชว่าจะเล่นอย่างไรมากกว่า ช่วงท้ายเกมที่สามเราพยายามทำให้คู่แข่งเคลื่อนที่ตลอดเวลา และให้ฝั่งเราได้บุกตลอดเวลา และพวกเขาก็เสียเองง่ายด้วย ทำให้เกมมาเข้ามาทาง แมทช์ต่อไปเจอกับเกาหลีใต้วันพรุ่งนี้ เราจะยึดตามแผนเดิมที่เคยเล่นกับพวกเขา แต่คู่แข่งก็คงเตรียมแก้เกมมา เราต้องหาทางแก้ไขอีกที”

              สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ในแมทช์แรกมีดังนี้

ประเภทหญิงเดี่ยว กลุ่มเอ คาโรลิน่า มาริน มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน ชนะ อีฟเกนิย่า โคเซ็ทกาย่า มืออันดับ 25 ของโลกจากรัสเซีย 21-19, 21-14, อัน เซยอง มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ มิเชล ลี มืออันดับ 10 ของโลกจากแคนาดา 2-0 เกม 21-12, 21-17

 

              ประเภทคู่ผสม กลุ่มบี ทอม กีเซล กับ เมลฟิน เดอรูร์ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากฝรั่งเศส ชนะ ฮาฟิต ไฟซาล กับ กลอเรีย เอ็มมานูเอล วิดจาจา คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย 14-21, 21-14, 21-17


 

              ประเภทหญิงคู่ กลุ่มเอ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริยานี่ ราฮายู คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ 21-17, 22-24, 21-15, เชา เหม่ยกวน กับ ลี เหม็งหยวน คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย ชนะ วิเวียน ฮู กับ แยป เชงเหวิน คู่มืออันดับ 25 ของโลกจากมาเลเซีย 21-16, 10-21, 21-15

              ประเภทชายเดี่ยว กลุ่มเอ โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ ลี ซีเจี๋ย มืออันดับ 10 ของโลกจากมาเลเซีย 21-16,12-21, 21-11 กลุ่มบี อันเดรส แอนทอนเซ่น มืออันดับ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก ชนะ คีดัมบี้ สีกานห์ มืออันดับ 14 ของโลกจากอินเดีย15-21, 21-16, 21-18, หวัง ซื่อเหว่ย มืออันดับ 12 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ อึ้ง กาลอง อังกุส มืออันดับ 8 ของโลกจากฮ่องกง 21-10, 21-14

              ประเภทชายคู่ กลุ่มเอ หลี่ หยาง กับ หวัง ชิหลิน คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ ออง ยิวซิน กับ เตียว อียี่ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากมาเลเซีย 21-18, 24-22 เบน เลนจ์ กับ ฌอน เวอร์ดี้ คู่มืออันดับ 32 ของโลกจากอังกฤษ ชนะ มาร์คัส เอลลิส กับ คริส แลงกริดจ์ คู่มืออันดับ 22 ของโลกจากอังกฤษ 22-20, 21-15 กลุ่มบี อารอน เชี๊ยะ กับ โซ วูยิค คู่มืออันดับ 9 ของโลกจากมาเลเซีย ชนะ ชอย โซวกิว กับ โซว ซอนแจ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้ 21-14 , 21-19, โมฮาเหม็ด อัสซาน กับ เฮนดร้า เซทเทียวาน คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ วลาดิเมียร์ อิวานอฟ กับ อิวาน โซโซนอฟ คู่มืออันดับ 24 ของโลกจากรัสเซีย 21-18, 15-21, 21-17

              สำหรับศึก "เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 จะมีการถ่ายทอดสดผ่าน 3,000 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยสามารถชมการถ่ายทอดสดได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง ทรูวิชั่นส์, ทรูโฟร์ยู, ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี โดยทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดทุกคู่การแข่งขัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ผ่านทาง Truesports HD3 ช่อง 668, Truesports 7 ช่อง 686 และ Truesports HD2 ช่อง 667 และรับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ (28-29 ม.ค.) ระหว่างเวลา 14.30 - 20.00 น. วันเสาร์ (30 ม.ค.) ระหว่างเวลา 17.00 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ (31 ม.ค.) ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น.