"บาส-ปอป้อ" สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์คู่ผสม โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น "กิ๊ฟ-วิว" ดีสุดรองแชมป์หญิงคู่ การันตีลุยเวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ปลายเดือนนี้
17 มกราคม 2564 – การแข่งขันแบดมินตัน เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ เอเชียน เลก เปิดฉากรายการแรกในศึก "โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น" ทัวร์นาเมนต์เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 30,100,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในรูปแบบนิวอร์มอลภายใต้มาตรการคุ้มเข้มเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยไม่อนุญาตให้แฟนแบดมินตัน และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสนามโดยเด็ดขาด โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. เป็นการลงสนามแข่งขันวันที่หกในรอบชิงชนะเลิศ
ประเภทคู่ผสมรอบชิงชนะเลิศ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือวาง 1 ของรายการ คู่มืออันดับ 3 ของโลก ลงสนามพบกับ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากอินโดนีเซีย สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง เป็นทางคู่ของ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ ที่ทำได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ 4 ครั้ง ล่าสุดในรอบชิงชนะเลิศศึ ออลอิงแลนด์ 2020 ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ เป็นฝ่ายเฉือนชนะมาได้
ในแมทช์นี้เกมการแข่งขันทั้งคู่ยังคงผลัดกันทำคะแนนได้อย่างสนุกคู่คี่สูสีก่อนที่ เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี โชว์ฟอร์มเก่งไล่ตบทำคะแนนเฉือนชนะแก้มือไปได้สำเร็จ 2-1 เกม 21-3, 20-22, 21-18 ใช้เวลาแข่งขัน 56 นาที "บาส" เดชาพล กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี คว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ครั้งแรกได้สำเร็จพร้อมรับเงินรางวัล 74,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 2,220,000 บาท ส่วน ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ รองแชมป์รับเงินรางวัล 35,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,050,000 บาท โดยได้รับเกียรติจากทาง เจา มาโตส รองประธานสหพันธ์แบดมินตันยุโรป, มร.เบน โยเนยามะ ประธานและเจ้าของบริษัทโยเน็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น และ นอร่า แพรี่ สมาชิกสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) เป็นผู้มอบรางวัลให้กับนักกีฬา
หลังเกมทาง "บาส" เดชาพล กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี เปิดเผยว่า "เป็นเกมที่อึดอัด เราพยายามไม่ขึ้นลูกให้คู่แข่งบุก และดูเหมือนว่าคู่แข่งมีข้อผิดพลาดด้วย วันนี้เป็นเรื่องของการชิงจังหวะการเล่น ไม่มีฝ่ายไหนขึ้นลูกก่อน คู่แข่งกลัวลูกหนักฝั่งเรา เราก็พะวงจากฝั่งเขาเช่นกัน เราเตรียมตัวมาดีในการเจอกับคู่แข่งจากอินโดนีเซียวันนี้ และสามารถทำได้ตามที่วางแผนมาด้วย พอคู่แข่งต้องการแก้คืนแต่ทำไม่ได้ทำให้อาจกดดัน สกอร์จึงไหลในเกมแรก”
“ความตั้งใจตั้งแต่หยุดพักเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด เราก็ซ้อมหนักมาตลอด ซ้อมทุกวัน และตั้งเป้าทำผลงานในแมตช์แรกให้ดีที่สุด และทำสำเร็จสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ สิ่งที่ต้องปรับปรุงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรายการต่อไปคือต้องปรับปรุงเรื่องสมาธิ ตอนที่เราเป็นฝ่ายตามเวลาต้องพยามควบคุมสมาธิไม่ให้หลุด และเมื่อขึ้นนำต้องพยายามควบคุมไม่ให้คู่แข่งไล่จี้มา การคว้าแชมป์ครั้งนี้ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น แต่เราต้องไม่ประมาท ต้องรักษาฟอร์มการเล่น รักษาตามมาตรฐานของตัวเองเอาไว้ และแก้ไขจุดที่ยังมีผิดพลาด ตอนนี้เป้าหมายในการแข่งขันรายการต่อไปในศึก โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น อันดับแรกคือต้องดูแลและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาฟิตเหมือนเดิมก่อน สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณและชื่นชมทีมงานทุกคนที่ทำเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอขอบคุณคุณหญิงปัทมาที่ผลักดันให้สามารถจัดการแข่งขันรายการนี้จนสำเร็จและมีความปลอดภัย ทำให้แฟนๆชาวไทยได้ชมการแข่งขัน หลังจากห่างหายไปนาน" ทั้งคู่กล่าว
ขณะที่ประเภทหญิงคู่รอบชิงชนะเลิศ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มือวาง 7 ของรายการ คู่มืออันดับ 11 ของโลก ลงสนามพบกับ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู คู่มือวาง 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด `5 ครั้ง เป็นทางคู่ของ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู ที่ทำได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ 4 ครั้ง ล่าสุดในศึก ไชนีสไทเป โอเพ่น 2019 จงกลพรรณ กับ รวินดา เป็นฝ่ายเฉือนชนะมาได้
ในแมทช์นี้เกมการแข่งขันทางคู่ของ จงกลพรรณ กับ รวินดา พยายามสู้อย่างเต็มที่แต่ไม่สามารถต้านทานความเหนียวแน่นและดุดันในเกมบุกของ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู เป็นฝ่ายคุมเกมบุกทำคะแนนเอาชนะคู่สาวไทยไปได้ 2-0 เกม 21-15, 21-12 ใช้เวลาแข่งขัน 52 นาที
เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู คว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 7,4000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,220,000 บาท ส่วน "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ รองแชมป์รับเงินรางวัล 35,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,050,000 บาท โดยมี เจา มาโตส รองประธานสหพันธ์แบดมินตันยุโรป, มร.เบน โยเนยามะ ประธานและเจ้าของบริษัทโยเน็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น และ นอร่า แพรี่ สมาชิกสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) เป็นผู้มอบรางวัลให้กับแชมป์และรองแชมป์
กิ๊ฟ-จงกลพรรณ และ วิว-รวินดา เผยหลังเหมวันนี้ว่า “เปิดเกมมาค่อนข้างตกใจ คู่แข่งทำการบ้านมาดีมาก แตกต่างจากแผนที่เราเตรียมมารับมือ ทำให้การปรับต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่น แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น เกมเลยขาด ด้วยคู่แข่งมักแจกให้เราวิ่งก่อน เราเตรียมพร้อมมาแก้ แต่วันนี้ลูกค่อนข้างตื้อกว่าปกติ เราอยู่ฝั่งต้านลมก่อน เราคืนลูกไม่ถนัดทำให้เขามีโอกาสบุกได้มากกว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้เรามาถึงรอบชิงชนะเลิศคือทีมเวิร์กที่ดี อย่างกรณีรอบรองชนะเลิศคู่แข่งจากเกาหลีอันดับสูงกว่าเรา แต่เราอาศัยการประสานงานทีมเวิร์กที่ดี ศึกษาคู่แข่ง วางแผนเตรียมรับมือว่าจะเล่นแบบไหน ทำให้สามารถกดดันคู่แข่งได้ การเข้ารอบชิงชนะเลิศครั้งนี้เพิ่มความมั่นใจกับเราเป็นอย่างมาก กลับไปทำเป็นการบ้านในสิ่งที่เราต้องไปแก้ไข เพื่อเตรียมพร้อมต่อไป ส่วนเป้าหมายในรายการหน้าเราขอโฟกัสในแต่ละแมตช์ ทำพยายามทำเต็มที่ กดดันตัวเองให้น้อย ควบคุมตัวเองในสถานการณ์คับขันให้ได้”
“กิ๊ฟและวิว ขอขอบพระคุณรัฐบาลไทย ขอบพระคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ ขอบพระคุณนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล การกีฬาแห่งประเทศไทย กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และทีมงานทุกฝ่ายที่ช่วยดำเนินการให้มีการจัดการแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่ ซึ่งถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการใหญ่ 3 แบบนี้” ทั้งคู่กล่าว
สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ในรอบชิงชนะเลิศมีดังนี้ ประเภทชายคู่ หลี่ หยาง กับ หวัง ฉีหลิน คู่มือวาง 6 ของรายการ คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน เฉือนชนะ โก๊ะ วีแชม กับ ตัน วีเคียง คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย ไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 21-16 21-23 21-19 ใช้เวลาแข่งขัน 65 นาที หลี่ หยาง กับ หวัง ฉีหลิน รับเงินรางวัลชนะเลิศ 7,4000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 2,220,000 บาท, รองชนะเลิศ โก๊ะ วีแชม กับ ตัน วีเคียง รับเงินรางวัล 35,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,050,000 บาท
ประเภทหญิงเดี่ยว คาโรลิน่า มาริน มือวางอันดับ 5 ของรายการ มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน เอาชนะ ไถ้ ซื่อหยิง มือวาง 1 ของรายการ มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน ไปได้ขาดลอย 2-0 เกม 21-9,21-16 ใช้เวลาแข่งขัน 42 นาที คาโรลิน่า มาริน ชนะเลิศรับเงินรางวัล 7,0000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 2,100,000 บาท, ไถ้ ซื่อหยิง รองชนะเลิศรับเงินรางวัล 34,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,020,000 บาท
ประเภทชายเดี่ยว วิคเตอร์ อเซลเซ่น มือวาง 4 ของรายการ มืออันดับ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก เอาชนะ อึ้ง กาลอง อังกุส มือวางอันดับ 7 ของรายการ มืออันดับ 8 ของโลกจากฮ่องกง ไป 2-0 เกม 21-14,21-14 ใช้เวลาแข่งขัน 44 นาที วิคเตอร์ อเซลเซ่น ชนะเลิศรับเงินรางวัล 7,0000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 2,100,000 บาท, อึ้ง กาลอง อังกุส รองชนะเลิศรับเงินรางวัล 34,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,020,000 บาท โดยมี เจา มาโตส รองประธานสหพันธ์แบดมินตันยุโรป , มร.เบน โยเนยามะ ประธานและเจ้าของบริษัทโยเน็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น และ นอร่า แพรี่ สมาชิกสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) เป็นผู้มอบรางวัลให้กับแชมป์และรองแชมป์
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ เผยว่า “ดีใจและภูมิใจมาก นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของวงการแบดมินตันไทย ที่ บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คว้าแชมป์คู่ผสม ระดับเวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 มาครอง ได้เป็นครั้งแรก พร้อมกับการันตีผ่านเข้าสู่ศึกเวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ ได้ด้วย นำมาซึ่งความสุขของแฟนกีฬาชาวไทย ขอให้แฟนๆ แบดมินตัน ช่วยให้กำลังใจนักกีฬาไทย ต่อไป ในอีก 2 รายการที่เหลือ ส่วนผลงานของกิ๊ฟวิวในวันนี้ ถือเป็นสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเองที่เข้าชิงรายการในระดับ Super 1000 ได้เป็นครั้งแรก เป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดของกิ๊ฟวิวที่ได้เข้าชิง เป็นการสร้างผลงานที่ดี ยอมรับว่าคู่ของอินโดนีเซียวันนี้เล่นได้ดีจริงๆ การเข้าชิงของทั้งคู่นี้เป็นการการันตรีว่าจะต้องโคจรไปพบกันอีกในรายการเวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ เป็นที่แน่นอนแล้ว”
“นอกจากนี้ ขอขอบพระคุณ รัฐบาลไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , สำนักนายกรัฐมนตรี , กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , กระทรวงมหาดไทย , กระทรวงวัฒนธรรม , กระทรวงสาธารณสุข , ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ,กรมควบคุมโรค กองทัพอากาศ , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , จังหวัดนนทบุรี , คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ , การกีฬาแห่งประเทศไทย , กองทุนพัฒนาการกีฬาชาติ , โรงพยาบาลรามาธิบดี , กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , สถาบันบำราศนราดูร ,สถาบันป้องกันควมคุมโรคเขตเมือง , สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี , กรมแพทย์ทหารอากาศ , กรมทหารสารวัตรทหารอากาศ, กรมการกงศุล , ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ,ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ,กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานอื่น ๆ ที่ให้การสนับสนุน จนสามารถจัดการแข่งขันแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ตลอดเดือนม.ค.นี้ได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือที่ดี คงไม่มีทางที่การแข่งขันจะออกมาดีเช่นนี้ และจากนี้ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 รายการ ขอเชิญชวนแฟนกีฬา ช่วยให้กำลังใจนักกีฬาไทยต่อไป โดยสามารถติดตามชมได้ผ่านการถ่ายทอดสดทางบ้าน ทางทรูวิชั่นส์ ทรูโฟร์ยู และช่องทางออนไลน์ของทรูฯ” คุณหญิงปัทมา กล่าว
สำหรับรายการต่อไปจะเป็นศึก "โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 19 - 24 มกราคมนี้ ซึ่งยังไม่อนุญาตให้แฟนแบดมินตัน และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสนามโดยเด็ดขาด และจะปิดท้ายด้วยศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 27 - 31 มกราคม ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน 3,000 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยสามารถชมการถ่ายทอดสดการประชันฝีมือของนักแบดมินตันระดับโลกได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง ทรูวิชั่นส์, ทรูโฟร์ยู, ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี โดยทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดทุกคู่การแข่งขัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ผ่านทาง Truesports HD3 ช่อง 668, Truesports 7 ช่อง 686 และ Truesports HD2 ช่อง 667 และรับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู เฉพาะคู่ที่นักกีฬาไทยลงทำการแข่งขันทุกวัน