ขนไก่ไทย หวังเข้ารอบลึกแบด 3 รายการใหญ่ TRUE 4U ถ่ายทอดสด ให้แฟนกีฬาร่วมเชียร์
25 ธันวาคม 2563 – คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ หวังนักตบลูกขนไก่ไทยผ่านเข้ารอบลึก หรือเข้ารอบชิงชนะเลิศ ใน 2 รายการแรกระดับเวิลด์ ทัวร์ 1000 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อเก็บคะแนนกรุยทางเข้าสู่ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอล ขณะที่ฟรีทีวี TRUE 4U ถ่ายทอดสด ให้แฟนกีฬาทั่วประเทศร่วมเชียร์ทุกวัน
ความเคลื่อนไหวการแข่งขันแบดมินตัน 3 รายการประวัติศาสตร์ ในประเทศไทย เริ่มที่ศึก โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม 2564 ต่อด้วย โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ระหว่างวันที่ 19-24 มกราคม 2564 และ เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 ระหว่างวันที่ 27 -31 มกราคม 2564 ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี
ล่าสุด คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก คนที่ 1 และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้เปิดให้สื่อมวลชนร่วมชมการฝึกซ้อมของนักกีฬาแบดมินตัน นำโดย กันตภณ หวังเจริญ ร่วมด้วย สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์, โฆษิต เพขรประดับ, บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์, รวินดา ประจงใจ, จงกลพรรณ กิติธารากุล, เฌอย์นิชา สุดใจประภารัตน์, ชาสินี โกรีภาพ, เบญญาภา เอี่ยมสอาด, นันทกานต์ เอี่ยมสอาด, นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อม เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์ ที่สนามฝึกซ้อมแบดมินตัน สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ แขวงลุมพินี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563
คุณหญิงปัทมา กล่าวว่า “สำหรับความพร้อมของนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี จนมีการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ จะเห็นได้ว่านักกีฬาไทยซ้อมอยู่ที่บ้าน โดยเป็นการซ้อมเพื่อคงสภาพร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ตลอดจนเป็นโอกาสรีเฟรชร่างกายหลังจากที่ต้องตระเวนแข่งขันมาตลอดปี โดยเป็นการซ้อมที่ควบคุมผ่านระบบออนไลน์ แต่หลังจากพ้นการล็อคดาวน์ นักกีฬามีโอกาสซ้อมเต็มที่จนมาถึงปัจจุบัน ทำให้ถึงวันนี้ทุกคนมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ ฟิตซ้อมมาอย่างดี ปราศจากอาการบาดเจ็บ และการซ้อมมีระยะเวลายาว ทำให้เป็นโอกาสดีในการเสริมด้านเทคนิค และแก้ไขปัญหาเกมการเล่นที่แต่ละคนมี”
“จากรายชื่อนักกีฬาแบดมินตันที่สมัครมาแข่งขันที่ไทยนั้น เป็นระดับท็อปของโลกในทุกประเภทแทบทั้งสิ้น แต่สมาคมฯ ยังคาดหวังว่า จากการได้เล่นในบ้าน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสของนักกีฬาไทย วางเป้าหมายว่าจะมีนักกีฬาไทยสามารถผ่านเข้าเล่นในรอบลึก ตลอดจนมีโอกาสถึงรอบชิงชนะเลิศใน 2 รายการแรก เป็นการเพิ่มโอกาสให้นักกีฬาไทยได้ผ่านเข้าเล่นรายการสุดท้ายเวิลด์ทัวร์ไฟนอลต่อไป”
“สำหรับแฟนกีฬาๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้ทาง ทรูวิชั่นส์ สนามที่ 1 ผ่านทางช่อง Truesports HD3 ช่อง 668 และ Truesports 7 ช่อง 686 สนามที่ 2 ผ่านทางช่อง Truesports HD2 สนามละ 10 คู่ ทุกวัน และชมถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวี ช่อง TRUE 4U เพื่อชมและเชียร์นักกีฬาไทยได้อีกวันละ 2-3 ชั่วโมงทุกวัน นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมทางแพลตฟอร์มออนไลน์ของทรูวิชั่นส์ได้อีกหลายช่องทาง ทั้ง ทรูไอดี, อินสตราแกรม, เฟซบุ๊ค ร่วมส่งใจเชียร์นักกีฬาไทยไปพร้อมๆ กัน” คุณหญิงปัทมากล่าว
นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ กล่าวต่อว่า “สำหรับการแข่งขันแบดมินตันทั้ง 3 รายการดังกล่าว ถือเป็นรายการแบดมินตันเก็บคะแนนสะสมระดับสูงสุดของสหพันธ์แบดมินตันโลก ซึ่งโดยปกติใน 1 ปี จะมีรายการเก็บคะแนนสะสม ระดับเวิลด์ทัวร์ 1000 เพียงแค่ 3 รายการ และรายการเวิลด์ทัวร์ไฟนอล ซึ่งเป็นรายการที่เชิญนักแบดมินตันที่เก็บคะแนนสะสมรายการเวิลด์ทัวร์ ที่มีคะแนนสะสมดีที่สุด 8 อันดับแรก เข้าร่วมการแข่งขันแต่ในครั้งนี้ การจัดการแข่งขันในประเทศไทย เป็นรายการเก็บคะแนนสะสมระดับ 1000 ถึง 2 รายการ และรายการสุดท้ายเป็นเวิลด์ทัวร์ไฟนอล จะเห็นได้ว่า 3 รายการนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ของวงการแบดมินตันโลกที่มาจัดที่ประเทศไทยทั้ง 3 รายการติดต่อกัน นักกีฬาที่จะเข้าแข่งขันจะต้องเป็นนักกีฬาที่มีคะแนนสะสมระดับโลกในระดับสูง เพราะการแข่งขันครั้งนี้จะไม่มีรอบคัดเลือก ยิ่งไปกว่านั้น 3 รายการในประเทศไทยครั้งนี้ เปรียบเสมือนการรีสตาร์ทการแข่งขันแบดมินตันอีกครั้ง หลังจากต้องหยุดการแข่งขันไปนาน”
“ในส่วนของการเตรียมความพร้อมของไทย การแข่งขันในครั้งนี้ รัฐบาลไทยจะเป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขัน โดยมีสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ เป็นอนุกรรมการจัดการแข่งขัน ซึ่งนับตั้งแต่ได้รับสิทธิ์ในการจัดการแข่งขันแบดมินตันประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมพร้อมและวางมาตรการการจัดการแข่งขันภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยประชุมวางแผนมากว่า 4 เดือน ประชุมกันหลายภาคส่วน ตั้งแต่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงต่างประเทศ, กรมควบคุมโรค, ศบค, การกีฬาแห่งประเทศไทย, สหพันธ์แบดมินตันโลก และสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ถือได้ว่า ฝ่ายจัดการแข่งขันมีความพร้อมเต็มที่ที่จะจัดศึกแบดมินตันครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศไทย”
“โดยมาตรการการจัดการแข่งขัน ได้มีการประชุมวางแผนการจัดการแข่งขันครั้งนี้ในรูปแบบบับเบิ้ล นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะเข้าอยู่ในบับเบิ้ล ไม่มีการสัมผัสกับบุคคลภายนอกบับเบิ้ล เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการระบาดของโรคในบับเบิ้ล ซึ่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องมีใบรับรองการตรวจโรคโควิดภายใน 72 ชม. และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ทุกคนจะถูกนำขึ้นรถบัส โดยรถบัสจะเป็นรถประเทศละ 1 คัน จะเดินทางไปถึงโรงแรมที่พักและจะมีการตรวจโรคเมื่อถึงห้องพัก โดยที่ทุกคนจะต้องมีผลการตรวจเป็นลบ นอกจากนี้ จะมีการตรวจโควิด ทุกๆ 3 วัน”
“ด้านสนามฝึกซ้อมและห้องฟิตเนสจะถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ในคอนเวนชัน ฮอลล์ 5 ในเมืองทองธานี และสนามซ้อมแต่ละสนามจะมีผนังกั้น โดยที่แต่ละประเทศจะซ้อมครั้งละ 45 นาที และทำความสะอาดทันที 15 นาที ก่อนที่ประเทศอื่นจะเข้ามาซ้อมต่อ”
“ในส่วนสนามแข่งขัน ปกติจะใช้ 4 สนาม แต่ในครั้งนี้จะจัดเพียง 3 สนาม เพื่อเว้นระยะห่างและเป็นการลดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่จัดการแข่งขันด้วย ภายในสนามแข่งขันจะแบ่งโซน เพื่อลดการสัมผัส ในส่วนการสัมภาษณ์นักกีฬา หรือผู้ฝึกสอนในครั้งนี้ จะเป็นการสัมภาษณ์ผ่านระบบออนไลน์”
“สมาคมกีฬาแบดมินตันฯ มีความมั่นใจเต็มร้อยกับการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ด้วยความร่วมมือจากรัฐบาลและอีกหลายหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ ประชุมวางแผนต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลานาน การจัดการแข่งขันเป็นประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ เพื่อจะประกาศให้ทั้งโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก และระบบสาธารณสุขของประเทศไทยในการป้องกันโรคระบาด” คุณหญิงปัทมา กล่าวในตอนท้าย
ทางด้าน "กัน" กันตภณ หวังเจริญ ชายเดี่ยวมือ 15 ของโลก เผยถึงความพร้อมในการลงแข่งครั้งนี้ว่า “ผมได้ซ้อมเต็มที่หลายเดือนที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาการบาดเจ็บ และได้พี่แมน-บุญศักดิ์ พลสนะ มาเป็นโค้ชให้ ทำให้ค่อนข้างมั่นใจ ส่วนความหวังกับ 3 รายการในเดือนมกราคม เราพยายามดูก่อนว่าเราจะเจอกับใคร เล่นให้ดีที่สุดไปทีละรอบ ไม่ตั้งเป้าว่าจะต้องเข้าถึงรอบไหน จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดทุกรอบจนถึงสนามสุดท้าย ตอนนี้อยากลงแข่งมาก ที่ผ่านมาออกทัวร์แข่งตลอด พอห่างไป 8 เดือน ได้กลับมาแข่งรายการแรกก็จะทำให้ดีที่สุด และมั่นใจในมาตรการป้องกันโควิดที่เข้มงวด ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้มีการแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้เกิดทัวร์นาเมนต์อื่นๆ ต่อไป”
ส่วน “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์ หญิงเดี่ยวมือ 13 ของโลก กล่าวว่า “เรามีระยะเวลาเก็บตัวมานานมากหลังจากที่ไม่ได้แข่งมาตั้งแต่เดือนมีนาคม สำหรับความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพครีมคิดว่าทางรัฐบาลไทย รวมถึงคุณหญิงปัทมาและผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน มีการวางแผนกันมายาวนานกว่าจะมี 3 รายการใหญ่อย่างนี้มาจัดที่บ้านเราได้ ทุกคนต่องทำงานหนักมาก ดีใจมากที่ได้กลับมาแข่ง หลังจากที่ต้องหยุดไปนานหลายเดือนหลังจากจบออลอิงแลนด์ เชื่อว่านักกีฬาทุกคนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ซึ่ง 3 รายการที่จะเกิดขึ้นถือว่าเป็นนิวนอร์มอลสำหรับวงการแบดมินตันของเรา ครีมรู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องเรียนรู้ว่าในสนามเราทำอะไรได้บ้าง ต้องปฎิบัติตัวอย่างไร สำหรับรายการสุดท้ายเชื่อว่ายังมีโอกาสได้เข้าไปเล่น เพราะสองแมทช์ก่อนหน้าเป็นแมทช์ระดับหนึ่งพัน ซึ่งมีคะแนนเยอะมาก คิดว่าสองแมชท์นี้จะเป็นจุดเปลี่นของหลายคน เพราะการเข้ารอบลึกๆ มีผลแน่นอน และถ้าใน 2-3 รายการตี้เราทำผลงานดี ก็มีโอกาสเป็นมือวางทำให้เจอสายไม่หนักมาก ทำให้เรามีคะแนนเยอะเพียงพอต่อการไปโอลิมปิก”
แฟนแบดมินตันสามารถชมการถ่ายทอดสดการประชันฝีมือของนักแบดมินตันระดับโลกได้ทางหลากหลายช่องทาง ทรูวิชั่นส์ ,ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี
ทรูวิชั่นส์ทุกคู่การแข่งขันผ่านทาง truesports HD3 ช่อง 668, truesports 7 ช่อง 686 และ truesports HD2 ช่อง 667 รวมเป็นการถ่ายทอดรายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 95 คู่, โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 95 คู่ และ เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ 75 คู่
และรับชมผ่านทางTrue4U เฉพาะคู่ที่นักกีฬาไทยลงทำการแข่งขันทุกวัน รายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น จะถ่ายทอดสดวันอังคารถึงพุธระหว่างเวลา 16.30 – 19.00 น. วันพฤหัสบดีถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น. วันเสาร์ ระหว่างเวลา 16.30 – 18.30 น. และวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 14.30 – 17.00 น., โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น จะถ่ายทอดสดวันอังคารถึงพุธระหว่างเวลา 16.30 – 20.00 น. วันพฤหัสบดีถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น. วันเสาร์ ระหว่างเวลา 16.30 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 16.30 – 19.00 น., เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ จะถ่ายทอดสดวันพุธระหว่างเวลา 16.30 – 20.00 น. วันพฤหัสบดีถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น. วันเสาร์ ระหว่างเวลา 17.00 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น.