ชี้แจงกรณี พรปวีณ์ “หมิว” ช่อชูวงศ์ ขอออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ
ชี้แจงกรณี พรปวีณ์ “หมิว” ช่อชูวงศ์ ขอออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ
ตามที่มีข่าวปรากฎใน Social Media กรณี พรปวีณ์ “หมิว” และ พชรพรรณ “มุก” ช่อชูวงศ์ ไม่ได้ฝึกซ้อมที่สมาคมฯ และขอออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ รวมทั้ง “หมิว” ทำเรื่องฟ้องศาลปกครองขอคำสั่งคุ้มครอง ซึ่งศาลปกครองมิได้ออกคำสั่งคุ้มครองให้ นั้น สมาคมฯ มีข้อเท็จจริงและข้อพิจารณา ชี้แจงเพื่อทราบ ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 “หมิว” และ “มุก” ได้เก็บของออกจากสมาคมฯ โดยไม่ได้แจ้งให้ใครทราบล่วงหน้า และไม่ได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจรับผิดชอบ จากนั้น จึงได้แจ้งความจำนงค์ขอออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ
2. กรณี “มุก” ผู้ฝึกสอนพิจารณาแล้ว เห็นว่า ไม่ได้อยู่ในแผนการพัฒนานักกีฬาของสมาคมฯ โดยวางแผนจะให้ออกจากการสนับสนุนนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เมื่อ “มุก” แสดงความจำนงค์ขอออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ จึงได้รับหนังสือยืนยันการออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ โดยทันที
3. กรณี “หมิว” สมาคมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นนักกีฬาที่มีศักยภาพ สามารถพัฒนาสู่ความเป็นเลิศในระดับโลก จึงไม่อนุญาตให้ “หมิว” ออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ ตามสัญญาการสนับสนุนนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ถึงแม้ “หมิว” ยืนยันที่จะขอออกไปฝึกซ้อมข้างนอกก็ตาม ซึ่งการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ “หมิว” ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสมาคมฯ
4. ในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สมาคมฯ เชิญผู้ฝึกสอนและตัวแทนนักกีฬาในสังกัดสมาคมฯ มาให้ข้อมูลและข้อพิจารณา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2561
และเชิญ “หมิว” และผู้ปกครอง มาให้ข้อมูลและข้อพิจารณา เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 อันเป็นการดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย และพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอันก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
5. ในระหว่างเดือนธันวาคม 2561 - กุมภาพันธ์ 2562 มีการนัดพบพูดคุยเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาหลายครั้ง โดย “หมิว” เรียกร้องเงื่อนไขหลายข้อต่อสมาคมฯ แต่สมาคมฯ ไม่อาจรับเงื่อนไขเหล่านั้นได้ เนื่องจากสมาคมฯ ต้องปกครองและดูแลนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ ในภาพรวม จึงไม่สามารถสนับสนุน “หมิว” มากกว่าที่สนับสนุนนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ ที่ฝึกซ้อมในสมาคมฯ และปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสมาคมฯ ได้
6. ในช่วงระยะเวลาของการหาข้อเท็จจริง ซึ่งสมาคมฯ ควรที่จะงดส่งนักกีฬาแข่งขัน เพื่อหาข้อสรุป แต่เนื่องจากว่า สมาคมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ควรปิดโอกาสในการสร้างผลงานของนักกีฬา จึงมิได้ดำเนินการใด ๆ “หมิว” ได้ลงทำการแข่งขันหลายรายการ อันนำมาซึ่งการตัดสินใจของ “หมิว” ในการใส่ชุดกีฬา Li Ning ลงทำการแข่งขันในรายการ Malaysia Masters 2019 ในเดือนมกราคม 2562 ซึ่งขัดต่อสัญญาที่ทำไว้กับสมาคมฯ อันถือเป็นความผิดสำเร็จ ทั้งยังให้สัมภาษณ์สื่อกีฬามาเลเซียว่า ได้ออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ แล้ว ซึ่งไม่เป็นข้อเท็จจริง สมาคมฯ ได้ดำเนินการตักเตือนและชี้แจงให้ทราบว่า หากนักกีฬาทำผิดกฎระเบียบ ข้อบังคับ จะถูกลงโทษตามระเบียบข้อบังคับของสมาคมฯ
7. ท้ายที่สุด “หมิว” ยืนยันที่จะออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ เพื่อให้การดำเนินการถูกต้องตามสัญญา และดำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของสมาคมฯ ในการควบคุมกำกับดูแลนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ และการขอรับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุน สมาคมฯ ยื่นข้อพิจารณาให้ “หมิว” ดำเนินการเป็น 2 แนวทาง ได้แก่
7.1 กลับมาฝึกซ้อมเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ โดยสมาคมฯ จะออกคำสั่งลงโทษงดส่งแข่งขันเป็นระยะเวลา 1 เดือน จากการละเมิดสัญญาสนับสนุนนักกีฬาฯ ซึ่ง “หมิว” สามารถอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ภายใน 15 วัน หลังจากรับทราบคำสั่งดังกล่าว หรือ
7.2 ยืนยันการออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ โดยมาลงชื่อในหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย กรณีสมาคมฯ ถูกปรับลดเงินสนับสนุนจากผู้สนับสนุนหลัก จากนั้น สมาคมฯ จะออกหนังสือยืนยันการออกจากการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ ให้ “หมิว” ต่อไป
ทั้งนี้ “หมิว” ยังไม่ได้ติดต่อกับทางสมาคมฯ เพื่อดำเนินการใดๆ อันหมายถึง “หมิว” ยังมีสภาพการเป็นนักกีฬาสังกัดสมาคมฯ ตามสัญญาสนับสนุนฯ
8. ในเดือนที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้รับเอกสารจากศาลปกครอง กรณี “หมิว” ดำเนินการนำเรื่องไปฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองมิให้สมาคมฯ งดส่งแข่งขัน และขอให้ศาลปกครองยกเลิกคำสั่งของสมาคมฯ ที่สั่งให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และกระบวนการต่าง ๆ ที่ดำเนินการมาทั้งหมดตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่ศาลปกครองพิจารณาแล้ว ไม่ออกคำสั่งคุ้มครองให้ เนื่องจากสมาคมฯ ยังมิได้มีคำสั่งลงโทษ “ หมิว” หรือคำสั่งใดๆ แต่อย่างใด
9. ปัจจุบัน สมาคมฯ ยังคงเบิกจ่ายเงินสนับสนุนที่ “หมิว” มีสิทธิได้รับจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะนักกีฬาแบดมินตันในโครงการ Olympic Tokyo 2020 ทั้งยังพิจารณาเก็บรักษาเงินและผลประโยชน์ที่ “หมิว” พึงจะได้รับ จากผลงานในช่วงที่ผ่านมา หากการพิจารณาแก้ไขปัญหาถึงที่สุด
10. การดำเนินการของสมาคมฯ ในปัจจุบัน เป็นการสร้างบรรทัดฐานและหลักการที่ถูกต้องเกี่ยวกับการสนับสนุนนักกีฬา เพราะผลจากการตัดสินของศาลปกครองในกรณีนี้ จะส่งผลกระทบไม่เฉพาะกับสมาคมฯ แต่จะกระทบถึงสโมสรสมาชิกที่มีนักกีฬาอยู่ในการสนับสนุนด้วย โดยหากศาลปกครองตัดสินที่จะคุ้มครองในกรณีนี้ สมาคมฯ และสโมสรสมาชิกต้องพิจารณาในการสนับสนุนนักกีฬาในอนาคต เนื่องจาก ต่อไป นักกีฬาสามารถบอกเลิกสัญญาต่อสมาคมฯ หรือสโมสรเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบการพัฒนานักกีฬาของประเทศ
11. รายละเอียดในบางเรื่อง สมาคมฯ ไม่สามารถชี้แจงได้ในเวลานี้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินคดีในชั้นศาล
ท้ายที่สุด สมาคมฯ ขอยืนยันว่า ยังมิได้ออกคำสั่งลงโทษ “หมิว” แต่อย่างใด แต่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อดำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของสมาคมฯ และการสร้างบรรทัดฐานและหลักการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนนักกีฬา ตลอดจนพร้อมยินดีให้ “หมิว” และผู้ปกครอง เข้ามาพูดคุย เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา โดยไม่กระทบกับอนาคตทางการกีฬาของ “หมิว” และเกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งสองฝ่ายต่อไป นอกจากนี้ สมาคมฯ ขอให้ “หมิว” และผู้เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยว่า เรื่องนี้เป็นคดีอยู่ในศาลแล้ว ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ “หมิว” ได้กระทำไป เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ควรไปชี้แจงต่อศาล และดำเนินการกันต่อไปในชั้นศาล ไม่ควรออกมาโพสต์อะไรที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดี สมาคมฯ ไม่เคยนำข้อมูลใด ๆ มาชี้แจงต่อสาธารณะ หรือกระทำการใด ๆ เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบเชิงลบและสร้างความเสียหายต่อ “หมิว” ซึ่งสมาคมฯ ยังคงต้องการให้ “หมิว” พัฒนาและแสดงผลงานที่ดีอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติต่อไป
สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์